กบลูกศรพิษ (อังกฤษ: Poison dart frog, Dart-poison frog, Poison frog, Poison arrow frog; วงศ์: Dendrobatidae) เป็นวงศ์ของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกขนาดเล็กวงศ์หนึ่ง ในอันดับกบ (Anura) ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dendrobatidae
มีลักษณะโดยรวม คือ ด้านบนตรงส่วนปลายของนิ้วมีปุ่นหรือสันเจริญขึ้นมา 1 คู่ มีกระดูกสันหลังหน้ากระดูกก้นกบ 6-8 ปล้อง กระดูกสันหลังมีเซนทรัมเป็นแบบอย่างของโพรซีลัส กระดูกหัวไหล่เป็นแบบอย่างของเฟอร์มิสเทอร์นัล กระดูกแอสทรากาลัสและกระดูกแคลลาเนียมเชื่อมรวมกันเฉพาะส่วนต้นและส่วนปลาย ไม่มีชิ้นกระดูกแทรกระหว่างกระดูกนิ้ว 2 ชิ้นสุดท้าย กระดูกนิ้วชิ้นสุดท้ายเป็นรูปตัว T ลูกอ๊อดมีช่องปากมีจะงอยปากและมีตุ่มฟัน ช่องเปิดของห้องเหงือกมีช่องเดียวอยู่ทางด้านข้างลำตัวและทางซ้ายของลำตัว
กบในวงศ์นี้ เป็นกบที่มีขนาดเล็ก มีความยาวลำตัวประมาณ 1-6 เซนติเมตร เท่านั้น อาศัยบนพื้นดินหรือบนต้นไม้หรือใบไม้ของป่าฝนในทวีปอเมริกาใต้และอเมริกากลาง ส่วนใหญ่หากินในเวลากลางวัน ซึ่งกบในวงศ์นี้มีลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดเจนมาก มีสีสันและลวดลายสดใสสวยงามและจัดจ้านมาก ซึ่งมีต่อมพิษที่จะผลิตพิษร้ายแรงมาก เนื่องจากเป็นสารเคมีประเภทอัคคาลอยด์ ที่จะออกฤทธิ์ระหว่างจุดประสานเซลล์ประสาทและระหว่างประสาทกับกล้ามเนื้อ
อัลลาลอยด์ของกบวงศ์นี้จะเป็นประเภทละลายในสารละลายอินทรีย์ พิษของกบวงศ์นี้ สามารถทำให้มนุษย์หรือสัตว์ขนาดใหญ่ตายได้เลย เพียงแค่ไปแตะต้องสัมผัสถูก ซึ่งชาวพื้นเมืองของอเมริกาใต้ได้ใช้ประโยชน์จากพิษนี้ อาบหัวลูกศรหรือลูกธนู สำหรับการล่าสัตว์ ซึ่งสามารถล้มหมูป่าตัวใหญ่ให้ล้มลงได้ภายในระยะเวลาไม่นาน ได้มีการจัดอันดับสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก ปรากฏว่า กบในวงศ์นี้ติดอยู่ในอันดับด้วย โดยพิษจากกบเพียง 1 ตัว สามารถฆ่ามนุษย์ได้ถึง 10 คนและหนูถึง 20,000 ตัว ด้วยพิษเพียง 5 ไมโครกรัม
โดยชนิดที่มีพิษร้ายแรงที่สุด คือ กบลูกศรสีทอง (Phyllobates terribilis) ที่ให้พิษได้ 2 มิลลิกรัมและพิษเพียง 0.2 มิลลิกรัม เมื่อเข้าสู่กระแสเลือดเป็นปริมาณมากพอก็สามารถทำให้มนุษย์ตายได้
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่ากบในวงศ์นี้ทุกชนิด ทุกสกุลจะมีพิษเสมอไป บางสกุลไม่มีสีสันสดใสก็มี พฤติกรรมการผสมพันธุ์ ส่วนใหญ่ตัวผู้จะไม่กอดรัดตัวเมีย แต่ถ้ามีมีการกอดรัดจะเป็นตำแหน่งบริเวณหัว ส่วนใหญ่วางไข่บนพื้นดินหรือบนต้นไม้และเฝ้าดูแลไข่ มีเพียงบางสกุลเท่านั้นที่วางไข่ในน้ำและไม่ดูแลไข่ เมื่อลูกอ๊อดฟักจากไข่จะอยู่บนหลังของตัวผู้หรือตัวเมียระยะหนึ่งก่อนจึงค่อยลงสู่น้ำ
(1178)