ตามรอยมงกุฎทองคำกษัตริย์สมัยกรุงศรีฯ “ลุงลิ” หนึ่งในทีมขุดกรุสมบัติกษัตริย์ในวัดราชบูรณะกรุงเก่า โผล่เล่าเรื่องราวย้อนรอยประวัติศาสตร์
เผยเจอสมบัติดีใจแทบช๊อค ทุกอย่างล้วนทำด้วยทองคำเหลืองอร่าม พอรู้เป็นของเจ้าแผ่นดิน กล้า ๆ กลัว ๆ แต่สุดท้ายช่วยกันขนใส่ถุง 3 วันถึงขนหมด จากนั้นแยกย้ายกันหลบหนี
ผวาเจออาถรรพณ์เล่นงานชีวิตทุกข์ระทม แถมเพื่อนในทีมมีอันเป็นไปตายเกลี้ยง ลั่นผิดมหันก้าวล่วงนำของเบื้องสูงไปขาย ระบุมงกุฎที่โชว์อยู่เมืองลุงแซม ทีมฉกนำออกมาจากกรุด้วยมือ
ด้าน ผ.อ.พิพิธภัณท์เจ้าสามพระยา ชี้เป็นสมบัติของสมเด็จพระนครินทราธิราช ได้คืนมาแค่ 20 เปอร์เซ็น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 2 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งพื้นที่ ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อพบกับนายลิ เกษมสังข์ อายุ 78 ปี หนึ่งในทีมขุดกรุโบราณสถานวัดราชบูรณะ จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยนายลิ เปิดเผยว่า เดิมตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป เคยทำงานที่กรุงเทพฯได้ระยะหนึ่ง ตอนหลังไม่มีงานเลยกลับมาอยู่บ้าน กระทั่งเมื่อช่วงปี 2499 ได้ร่วมกับเพื่อน ๆ อีก 20 คน เข้าไปบริเวณโบราณสถานวัดราชบูรณะ ซึ่งตอนนั้นมีสภาพเป็นป่ารกชัฏ ซึ่งเป็นช่วงที่กรมศิลปากรเริ่มที่จะมีการบูรณะ
ด้วยความที่อยากได้พระเครื่องเก่า ๆ จึงตัดสินใจเข้าไปขุดกรุที่พระปรางค์ประธานองค์ใหญ่ของวัดราชบูรณะ โดยลงมือตอนสองทุ่มวันที่ 27 ต.ค. 2499
ลุงลิบรรยายเป็นฉาก ๆ ต่อว่า บรรยา กาศตอนนั้นจู่ ๆ ก็มีลมพัดกระโชกมาอย่างแรง ตามด้วยฝนเทกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา ตนและเพื่อน ๆ ยังอดแปลกใจไม่หาย แต่ก็ยังเดินหน้าหาสมบัติกันต่อ ซึ่งเมื่อถึงชั้นบนของพระปรางค์ตนได้ใช้ชะแลงงัดเข้าไป
จากนั้นแยกย้ายกันหาสมบัติโดยที่พวกเพื่อนเดินลงไปข้างล่างซึ่งก็ไม่พบอะไร แต่เมื่อตนตามลงไปรู้สึกว่าแผ่นหินที่เหยียบอยู่นั้น เหมือนเป็นแผ่นศิลาที่ปิดเอาไว้เฉย ๆ จึงช่วยกันยกออก หลังยกแผ่นศิลาออกทุกคนถึงกับตาค้าง ตะลึงกับภาพที่เห็น
ตอนนั้นตนจำได้ไม่มีวันลืมของที่อยู่ข้างหน้าเป็นพระแสงดาบ มงกุฎ ภาชนะ พระพุทธรูป เครื่องอาภรณ์ต่าง ๆ ทุกอย่างล้วนมีสีทองเหลืองอร่ามส่องประกายเจิดจ้า
หนึ่งในทีมขุดหยุดนิ่งนึกถึงอดีตที่ผ่านมา ก่อนกล่าวต่อว่า ตอนนั้นตนดีใจและก็ตกใจมากเนื่องจากรู้ว่าของทั้งหมดต้องเป็นของกษัตริย์แน่นอน ใจไม่กล้าแตะต้องด้วยซ้ำ แต่ในทีมเห็นว่าไหน ๆ ก็ลงมาแล้ว หยิบไปคงไม่เป็นอะไร
ตนกล้า ๆ กลัว ๆ หยิบเครื่องทองมาได้เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งสมบัติที่พบพวกตนต้องใช้ถุงใส่แล้วใช้เชือกโยงขึ้นไป นานเกือบ 3 วันจึงนำสิ่งของที่ได้ออกมาจนหมด สำหรับพระแสงดาบนั้นไม่มีใครเอาไปจึงตัดสินใจทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ละแวกดังกล่าว
ต่อมาทราบข่าวว่าไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา อย่างไรก็ตามสมบัติที่ขนมาได้บางส่วนถูกนำกลับมาได้หลังจากที่เพื่อน ๆ ตน 8 คน ถูกตำรวจจับได้
ลุงลิกล่าวต่อว่า เงินทองที่ได้มาจากการขายสมบัติส่วนใหญ่จะใช้ไปในการหลบหนีเจ้าหน้าที่ แต่ในที่สุดเพื่อน ๆ ที่เคยร่วมทีมก็มีอันเป็นไปเสียชีวิตไปหมดแล้ว เหลืออีกคนชื่อวิ ป่วยหนักยังนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ. ที่ผ่านมาตนเสียใจมากกับเรื่องที่ทำลงไป
ก็ได้แต่ไปขอขมาพยายามทำบุญ ซึ่งที่ผ่านมาชีวิตตนประสบเคราะห์กรรมมาโดยตลอด ต้องเข้าเรือนจำด้วยเรื่องต่าง ๆ ถึง 7 ครั้ง ครอบครัวก็อยู่กันแบบไม่มีความสุข เชื่อว่าเป็นผลมาจากการก้าวล่วงนำของกษัตริย์ไปขาย
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ามงกุฎกษัตริย์ที่จัดแสดงอยู่ที่อเมริกาเป็นของที่กลุ่มพวกตนเป็นคนนำออกมาจากกรุเอง จากนั้นมีการขายต่อ ๆ กันไป จนไปอยู่ในมือต่างชาติ เรื่องนี้อยากให้คนไทยช่วยเอากลับคืนมาไว้ที่อยุธยาเหมือนเดิมด้วย
ด้าน น.ส.สุบงกช ธงทองทิพย์ ผอ. พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า มงกุฎกษัตริย์ที่จัดแสดงอยู่ที่อเมริกาขณะนี้เป็นเครื่องราชของกษัตริย์กรุงศรีอยุธยาชุดเดียวกับที่ถูกลักลอบขุดไปจากกรุวัดราชบูรณะอย่างแน่นอน
โดยดูจากลักษณะลวดลาย อย่างไรก็ตามพระปรางค์ประธานที่ถูกขุดนั้นมีความเชื่อ ตามหลักฐานว่า เป็นการสร้างของสมเด็จพระบรมราชาธิราช ถวายเจ้าอ้าย เจ้ายี่
ส่วนอีกหลักฐานฉบับหลวงประเสริฐระบุว่า เป็นการสร้างถวายสมเด็จพระนครินทรา พระมหากษัตริย์ที่มีชื่อเสียงในสุพรรณภูมิ ซึ่งทรงครองราชย์อยู่ในราว พ.ศ. 1952-1967
ซึ่งพระองค์เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 6 ของกรุงศรีอยุธยา และเป็นกษัตริย์ที่มีการค้าขายกับประเทศจีน จนจีนมีบันทึกพงศาวดารกล่าวถึงความรุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยาในช่วงดังกล่าวไว้ด้วย จึงเชื่อว่าเป็นของสมเด็จพระนครินทรา
ผอ.พิพิธภัณฑ์ กล่าวต่อว่า หลังการสวรรคตก็นำเครื่องราชูปโภค พระแสงดาบ เครื่องมหรรฆภัณฑ์ ซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติของพระราชวงศ์ชั้นสูง บรรจุเอาไว้จนมีการมาขุดค้นขโมยไป ต่อมามีการติดตามคืนมาได้เพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ตนเห็นว่ามงกุฎกษัตริย์และเครื่องราชูปโภคอีกหลายรายการที่อยู่ที่พิพิธภัณฑ์เอกชนในต่างประเทศควรที่ต้องมีการทวงคืนกลับประเทศได้แล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยต้องทำแบบสุขุมที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นขอฝากไปยังพวกที่ชอบขโมยวัตถุโบราณต่าง ๆ ไปขาย ตนเห็นมาหลายรายแล้วว่า คนพวกนี้ชีวิตจะพบกับภัยพิบัติต่าง ๆ นานา ครอบครัวอยู่ไม่เป็นสุข บางคนถึงกับนำของที่ขโมยไปกลับมาคืนก็มี
–เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 3 มี.ค. 2548–
ที่มา บัวรำพึง/Pantip
ย้อนรอยชมความรุ่งเรืองของอาณาจักรอยุธยา ผ่านเครื่องทองล้ำค่านับร้อยชิ้น จากกรุใต้พระปรางค์วัดราชบูรณะ รวมถึงบันทึกของ ลา ลูแบร์ ทูตจากฝรั่งเศส และนักเดินทางชาวยุโรปอีกมากมาย ที่กล่าวถึงราชธานีที่เฟื่องฟูที่สุดแห่งดินแดนสุวรรณภูมิ
ติดตามได้ในสารคดี ขุมทรัพย์แห่งอโยธยา จันทร์ที่ 9 เมษายน 3 ทุ่ม ที่ช่อง NEW18
(8665)