เนปยีดอ (Naypyidaw) มีความหมายว่า “มหาราชธานี” หรือ “ที่อยู่ของกษัตริย์”เป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางการบริหารของประเทศพม่า ตั้งอยู่ Kyetpyay ทางทิศตะวันตกของตัวเมือง Pyinmana ในมัณฑะเลย์ เชื่อกันว่าเหตุผลการย้ายเมืองหลวงเป็นไปตามคำทำนายของโหรของนายพลตาน ฉ่วย รวมถึงเชื่อว่าอาจจะเป็นการฟื้นฟูธรรมเนียมประเพณีเก่าของพม่าในยุคที่ยังมีพระมหากษัตริย์ปกครองประเทศ
สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาโดยรอบ เมืองนี้อยู่ห่างย่างกุ้งไปทางเหนือประมาณ 320 กิโลเมตร มีเพียงถนนสี่ถึงแปดเลนที่กำลังก่อสร้าง อาคารได้มีการก่อสร้างขึ้น แต่ยังไม่มีผู้คนอาศัยเท่าที่ควร ซึ่งทางการพม่านั้นต้องการ เมืองนี้เริ่มมีการสร้างสิ่งต่าง ๆ บ้างแล้ว เช่น อะพาร์ตเมนต์ ซึ่งคนพอมีเงินที่จะมาซื้ออยู่อาศัย เริ่มมีประชาชนอพยพมาอาศัยอยู่หลายหมื่นคน ในปัจจุบันแม้เมืองหลวงแห่งนี้จะมีโรงเรียน โรงพยาบาลเนปยีดอ แต่ก็ยังเปรียบเสมือนเมืองทหาร ซึ่งกำลังก่อสร้างต่อไป
ปัจจุบันกรุงเนปยีดอได้มีการพัฒนาถนนทางหลวงหมายเลข 8 เพื่อเชื่อมต่อกับเมืองย่างกุ้ง มีโครงการสร้างสถานีรถไฟขึ้นอีก 1 แห่งในเนปยีดอ ถัดจากสถานีในปยินมะนาที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2549 มีการสร้างมหาเจดีย์อุปปาตสันติ (Uppatasanti) ซึ่งจำลองแบบไปจากมหาเจดีย์ชเวดากองในกรุงย่างกุ้ง และทางการยังมีแผนการสร้างสวนสาธารณะ น้ำพุ สวนสัตว์ สวนบริเวณใจกลางเมือง และศูนย์การค้าแห่งใหม่อีก 42 แห่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเมืองหลวงแห่งใหม่
นอกจากนี้ยังมีแผนการก่อสร้างอาคารทันสมัยต่าง ๆ สำหรับหน่วยงานรัฐ ส่วนที่พักอาศัย โรงพยาบาลเอกชน ธนาคาร อาคารสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพพม่า (UMFCCI) และโครงการศูนย์การค้าระดับนานาชาติ โดยเป็นโครงการที่จะดำเนินไปตลอดทศวรรษข้างหน้า เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัยของเมืองหลวงแห่งใหม่ในอนาคต
กรุงเนปยีดอเป็นเมืองหลวงใหม่ของประเทศพม่า โดย พลเอกอาวุโสตาน ฉ่วยเป็นผู้ริเริ่มความคิดที่จะย้ายเมืองหลวงจากนครย่างกุ้งมายังสถานที่แห่งใหม่ด้วยเหตุผลเพื่อความสะดวกในการบริหารงาน เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของกรุงเนปยีดอนั้นตั้งอยู่กลางประเทศพอดี และได้เริ่มสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่นี้ในปี พ.ศ. 2545 โดยกระทรวงกลาโหมพม่าได้ว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง 25 บริษัทมาก่อสร้างสิ่งก่อสร้างและสาธารณูปโภคต่างๆ จนเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2549 ก็ได้มีการเฉลิมฉลองเมืองหลวงแห่งใหม่และได้ตั้งชื่อทางการของเมืองว่า “เนปยีดอ” นับแต่นั้นมา
(436)