Dragon Fruit หรือ แก้วมังกรเป็นพืชในตระกูลเดียวกับกระบองเพชร ซึ่งเป็นตระกูลพืชที่มีสารมิวซิเลจ (Mucilage) อยู่จำนวนมาก สารดังกล่าวมีส่วนช่วยคุมน้ำตาล ผลของแก้วมังกรมีทั้งเนื้อในสีขาว (แก้วมังกรขาว) และเนื้อสีแดง (แก้วมังกรแดง) เนื้องสีแดงจะมีรสหวานกว่าสีขาว ส่วนสีขาวจะมีรสหวานอ่อน ๆ
ผลของแก้วมังกมีฤทธิ์เย็น ช่วยขับความร้อนในร่างกายจึงเหมาะสำหรับการรับประทานเพื่อคลายร้อนผ่อนกระหายในหน้าร้อน นอกจากนี้ยังอุดมด้วยคุณค่าจากวิตามินและแร่ธาตุ ทั้งแคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินบี 1, 2, 3 และมีวิตามินซีสูงมาก จึงมีคุณสมบัติช่วยบำรุงสุขภาพผิวพรรณ บำรุงกระดู และฟันให้แข็งแรง
แก้วมังกร มีพื้นเพดั้งเดิมอยู่ในอเมริกากลาง เข้ามาในเอเชียที่เวียดนามก่อน โดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสเมื่อประมาณ 100 ปีมาแล้ว โดยปลูกมากตามแนวชายฝั่งทะเลตะวันออกจากเมืองญาตรังไปจนถึงไซ่ง่อน
แก้วมังกรเป็นไม้เลื้อย มีลำต้นยาวประมาณ 5 เมตร มีรากทั้งในดินและรากอากาศ ชอบดินร่วนระบายน้ำดี ชอบแสงแดดพอเหมาะ โล่งแจ้ง แต่ไม่แรงกล้าเกินไป ดอกสีขาว ขนาดใหญ่กลีบยาวเรียงซ้อนกัน บานตอนกลางคืน
แก้วมังกรเป็นไม้เลื้อยลำต้นอ่อนจำเป็นต้องมีหลักให้ลำต้นเกาะยึดซึ่งหลักจะเป็นไม้เนื้อแข็งหรือเสาซีเมนต์ก็ได้ ถ้าใช้ท่อซีเมนต์เป็นเสาซึ่งรูปทรงกลมภายในกลวงแต่เทปูนไว้ก้นท่อเพื่อไว้ใส่น้ำหล่อเลี้ยงให้เสามีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ฝังท่อซีเมนต์ลงในดินประมาณ 40 – 50 เซนติเมตร ต้องสูงจากพื้นดินประมาณ 1.5 – 2 เมตร ด้านบนของเสาทำเป็นร้านให้กิ่งเกาะแผ่ขยายออกไประยะปลูก 3 x 3 เมตร เตรียมหลุมขนาด 30 x 30 x 30 เซนติเมตร รอบ ๆ หลัก หลักละ 4 หลุม สำหรับปลูกหลุมละ 1 ต้น รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักเก่า 1 ปุ้งกี๋ เมื่อนำกิ่งพันธุ์ลงหลุมแล้วมัดกิ่งพันธุ์ให้แนบหลักและกันแดดให้ 1 – 2 สัปดาห์
(226)