Akodessawa Fetish Market คือตลาดที่ตั้งอยู่ใน Akodessawa กรุงโลเม (Lomé) เมืองหลวงของประเทศโตโกในแอฟริกาตะวันตก ด้วยความที่ประเทศนี้มีความเชื่อด้านไสยศาสตร์อย่างแรงกล้า ทำให้ตลาดแห่งนี้มีขายสินค้าไสยศาสตร์อย่างเปิดเผย และยังเป็นตลาดของขลังที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยชาวบ้านส่วนมากเชื่อถือในศาสตร์ “วูดู” หรือลัทธิซึ่งนับถือภูติผีปีศาจมาตั้งแต่โบราณ เชื่อกันว่า หากใครเจ็บป่วยจนไม่สามารถรักษาหายได้ มนต์ดำ(วูดู)จะช่วยรักษาจนหายได้อย่างง่ายดาย จึงเป็นที่มาว่าทำไมตลาดแห่งนี้จึงขายสินค้าต่างๆได้อย่างเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็น กะโหลกสัตว์, กะโหลกมนุษย์, หนังสัตว์, หนังมนุษย์, เลือดสด, ซากสัตว์, อวัยวะสด-แห้ง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำไสยศาสตร์ทั้งหมด
วูดู มีความหมายถึงเหล่าหมอผีในเฮติ เดิมใช้เรียกขานเจ้านายของทาส มีต้นกำเนิดมาจากพิธีกรรมของชนพื้นเมืองในแอฟริกา แกมเบีย จนถึงแองโกลา ชาวพื้นเมืองเหล่านี้มีความเชื่อในเทพเจ้าท้องถิ่นอย่างมาก ทำให้พ่อมด หมอผี คนทรงมีหน้ามีตามาจากการนับถือเทพเจ้าเหล่านั้น เนื่องจากเป็นสื่อกลางให้สื่อสารระหว่างชาวบ้านกับเทพเจ้านั่นเอง
การแพร่หลายของลัทธินี้เกิดมาจากยุคล่าอาณานิคม หัวหน้าเผ่าชนพื้นเมืองได้มีการขายลูกเผ่าหรือเชลยศึกไปเป็นทาสชาวตะวันตก ในบรรดาคนเหล่านั้นมีพ่อมดหมอผีแฝงไปด้วย เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่เหล่าทาสพลัดถิ่น ทำให้ความเชื่อและพิธีกรรมได้ถูกกระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะโลกใหม่หรือประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนำเข้าทาสมากมายไปใช้งาน
แท้จริงหมอผีเหล่านั้นไม่ได้มีอำนาจแก่กล้าด้วยตัวเอง พวกเขาจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากภูติผีและวิญญาณถึงจะสามารถแสดงฤทธิ์เดชได้ โดยหมอผี หรือ โซบ็อป (Zobop) เป็นได้ทั้งชายและหญิง แต่ละคนต้องฝึกวิชาให้แก่กล้าจึงจะสามารถทำพิธีกรรมต่างๆได้ ด้านอำนาจของหมอผีเป็นเช่นดั่งแม่มดในลัทธิอื่นๆ คือ แปลงร่างได้ ทำเครื่องรางของขลัง เสน่ห์ยาแฝดคุณไสย หรือแม้แต่ปลุกคนตายขึ้นมาใช้แรงงาน หรือที่รู้จักกันในนาม “ซอมบี้”
ซอมบี้ หรือ ซัมบิ (zumbi) คือ ศพเดินได้ เป็นร่างไร้วิญญาณที่ถูกปลุกขึ้นมาเพื่อใช้แรงงาน ลักษณะการเดินเหมือนหุ่นยนต์ไร้วิญญาณ ปราศจากแววตาและทำตามคำสั่งหมอผีเท่านั้น โดยพวกมันกินอาหารพิเศษจากพวกหมอผี มีลมหายใจ พูดได้ ขับถ่ายได้ แต่ไร้ความทรงจำ ไร้ความรู้สึก ไม่สนใจ ในสถานภาพของตัวเอง ไร้ความรู้สึก ไร้ความเจ็บปวด เสมือนเครื่องจักรมีชีวิต
เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับซอมบี้มีปรากฏอยู่ในบันทึกของชาวตะวันตกที่เดินทางไปอยู่ในแถบไฮติ ตั้งแต่สมัยล่าอาณานิคม โดย วิลเลียม ซีบรุ๊ก ผู้จัดการฝ่ายผลิตและส่งออกของบริษัท ผลิตน้ำตาลจากอ้อย (Hailian American Sugar Corporation) เคยเขียนบันทึกไว้ว่า “..มีพวกกรรมกรไร่อ้อยหลายร้อยคนเป็นคนงานอยู่ในความดูแลของหมอผีวูดู ซึ่งทำหน้าที่คุมคนงานและจัดหาคนงานมาเข้าทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหมือนมนุษย์จักรกล.. มีอยู่หลายสิบคนที่มีพวกญาติพี่น้องมาขอตัวกลับเพื่อนำไปฆ่าให้ตายเป็นครั้งที่สอง.. ทำให้เกิดปัญหามาก เพราะพวกญาติพี่น้องมาพบว่า คนงานบางคนเป็นญาติหรือคนที่เขารู้จักดีซึ่งตายไปแล้ว และกลายเป็นซอมบี้อยู่ในอาณัติคาถาของหมอผีวูดู ใช้ให้มาทำงานเป็นทาสอยู่ในไร่อ้อย…”
ดังนั้นสิ่งที่ชาวบ้านแถบนั้นกลัวไม่ใช่การที่มีซอมบี้มาร่วมทำงาน แต่พวกเขากลัวการเห็นญาติพี่น้อง พ่อแม่ รวมถึงตัวเองซึ่งตายไปแล้ว กลับมาเป็นซอมบี้ใช้แรงงานมากกว่า จึงมีพิธีกรรม “ทำให้ตายครั้งที่สอง” โดยการเอาหินขนาดใหญ่ยกปิดทับ อาจจะเป็นการผลัดกันนั่งเฝ้าเป็นเดือน รอศพย่อยสลาย นำลูกปัดหินสีเพื่อหลอกล่อให้คนตายที่ฟื้นนอนเล่นอยู่ในนั้น หรือมีการเสียบมีดไว้สำหรับคนตายที่เซ็ง เนื่องจากลุกจากหลุมไม่ได้แล้วจึงนำมีดมาแทงตัวเองซ้ำนั่นเอง
(3297)
You must be logged in to post a comment.