สุสานฉินสื่อหวง หรือสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ คือ ฮวงซุ้ยของจักรพรรดิจีนฉินสื่อหวงแห่งราชวงศ์ฉิน ตั้งอยู่ที่ตำบลหลินถง เมืองซีอาน มณฑลฉ่านซี ประเทศจีน ถูกค้นพบโดยบังเอิญเมื่อ 29 มีนาคม พ.ศ. 2517 โดยชาวนาในหมู่บ้านซีหยาง ชื่อ หยางจื้อฟา ในระหว่างขุดดินเพื่อทำบ่อน้ำ โดยบังเอิญขุดพบซากของทหารดินเผา ซึ่งมีอายุมากกว่า 2,000 ปี
สุสานแห่งนี้ถูกก่อสร้างตั้งแต่ปี 246 – 208 ก่อนคริสตกาล เป็นเวลากว่า 38 ปี โดยมีแนวคิดจำลองอาณาจักรและกองทัพขององค์จักรพรรดิฉินที่ 1 คาดว่า ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 2,180 ตร.กม. โครงสร้างและสถาปัตยกรรมโดยรวม เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความลึกเฉลี่ย 35 เมตร กว้าง 145 เมตร และ ยาว 170 เมตร
แบ่งเป็นพระราชฐานชั้นในและพระราชฐานชั้นนอก ใช้สำหรับบรรจุพระบรมศพของฉินสื่อหวง ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ตลอดจนกองกำลังทหาร นางสนมและนางกำนัล รถม้าและขุนพลทหาร จำนวนมาก เพื่อเป็นตัวแทนของข้าราชบริพารในการร่วมเดินทางไปยังปรโลกกับจักรพรรดิฉิน
ปัจจุบันมีการขุดค้นพบวัตถุโบราณเป็นจำนวนมาก โดยขุดค้นพบ 3 หลุมจากทั้งหมด 8 หลุม เป็นกองทัพทหารดินเผา สรรพาวุธ รถม้าและม้าศึก จำนวนทั้งสิ้นกว่า 7,400 ชิ้น ในบริเวณพื้นที่หลุมสุสานกว่า 25,000 ตร.ม. แต่แรกหุ่นทหารเหล่านี้มีแก้มเป็นสีชมพู สวมเครื่องแต่งกายที่มีสีสันสดใสซึ่งทาสีเอาไว้อย่างสวยงาม โดยส่วนใหญ่จะสวมเสื้อสีชมพู กางเกงสีเขียวและฟ้า แต่ทว่าเมื่อหุ่นทหารดินเผาถูกอากาศและแสงแดด เกิดปฏิกิริยาทางเคมีทำให้สีของหุ่นทหารดินเผาลอกหายไป เปลี่ยนเป็นสีดำหรือน้ำตาลอย่างเช่นปัจจุบัน
ทหารดินเผาที่ขุดค้นพบนั้นมองเผินๆ ดูคล้ายกัน แต่เมื่อสังเกตจะเห็นได้ว่า บางคนมีใบหน้ารูปไข่ บางคนเป็นรูปเหลี่ยม คาดว่าสร้างตามใบหน้าของทหารในสมัยนั้น โดยนายช่างจะรับหน้าที่ทำอวัยวะต่างๆ ก่อนจะนำมาประกอบเป็นตัวทหารหุ่นดินปั้น รวมถึงม้าที่แยกเป็นส่วนปั้นเช่นเดียวกัน
ใบหน้าส่วนใหญ่ของทหารดินเผามีสัณฐานสี่เหลี่ยม ริมฝีปากหนา ไว้หนวดเคราทรงผมนานาชนิด แล้วส่งต่อให้ช่างสี ซึ่งใช้ฝุ่นสีฉูดฉาด เช่น สีแดง เขียว ฟ้า น้ำตาล เหลือง ดำ ม่วง น้ำเงิน ขาว มาระบายลงบนตัวทหารดินเผา แยกสีตามกรมกอง ก่อนจะส่งเข้าเตาเผาที่ความร้อนสูงถึง 950-1,050 องศา ซึ่งเทคนิคนี้ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน
โดยของทุกชิ้นที่มีการสร้างขึ้น ถูกสลักชื่อของนายช่างผู้สร้างไว้เพื่อตรวจสอบคุณภาพ หากงานที่ได้มาไม่ตรงตามมาตรฐานหรือไม่ดีพอ บทลงโทษอาจถึงขั้นเสียชีวิต โดยหุ่นแต่ละตัวจะมีชื่อของนายช่างเป็นจำนวนมาก อาจจะมีถึง 50 ชื่อตามการแยกส่วนการปั้นของนายช่างแต่ละกลุ่ม
กองทัพดินเผา มีความสูงระหว่าง 172-196 เซนติเมตร การจัดตั้งกองทัพถูกจัดแนวตามบันทึกในตำราพิชัยสงครามซุนอู่ (ซุนวู) ในอดีตทุกนายคงถืออาวุธประจำตัวไว้ แต่หลังจากนั้นบางส่วนคงถูกยึดด้วยฝีมือกบฏ หลงเหลือเพียง 10,000 ชิ้น อาวุธส่วนมากสร้างขึ้นจากโลหะผสมทองแดงและดีบุก รวมทั้งนิกเกิลและสังกะสี ฝีมือประณีต โดยเฉพาะหัวลูกธนูจะผสมตะกั่วถือเป็นการอาบยาพิษอย่างร้ายแรง ส่วนด้ามทำจากไม้ผุพังไปตามเวลา หลังจากขุดสุสานอาวุธได้ถูกปลดแล้วนำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ เพื่อสะท้อนให้เห็นความก้าวหน้าทางทหารและเทคโนโลยีในสมัยนั้น
สภาพสุสานฉินสื่อหวงที่ถูกขุดค้นพบ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจุบันยังคงถูกเก็บรักษาไว้ในสภาพเดิม โดยมีรูปทรงพีระมิด สูงราง 70 กว่าเมตร ฐานยาว 8 เมตร ตามบันทึกในต้นราชวงศ์ฮั่นสุสานแห่งนี้ขุดลึกลงผิวดินชั้นดินดานถึง 3 ชั้น เพื่อก่อสร้างพระราชวังใต้ดิน โดยทาสและชาวนา กว่า 700,000 คนถูกส่งมาเป็นแรงงาน มีการทำอุโมงค์ไปสู่ห้องเก็บศพ พร้อมสมบัติข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ มีธรรมเนียมวางรูปสลัก เทวดา คน และสัตว์ต่างๆ ซึ่งบ่งบอกว่าพระองค์ทรงโปรดเสด็จประพาสป่า มีการติดตั้งกับดักลงทัณฑ์ผู้อาจหาญบุกรุกสุสาน ภายในห้องสุสานจำลองแผ่นดินจีนทั้งผืน ที่ตั้งพระศพห่อหุ้มด้วยทองแดงอยู่ในตำแหน่งเมืองเสียนหยาง(ซีอาน) ซึ่งเป็นเมืองหลวงศูนย์กลางของอำนาจในเวลานั้น มีแม่น้ำปรอทแทนแม่น้ำหวงเหอไหลผ่าน ท้องฟ้าประดับด้วยเพชรพลอย
โดยเจ้าของบันทึกนาม ซือหม่าเชียน ได้พรรณนาไว้ว่า “โลงศพของจักรพรรดิจิ๋นซีหล่อขึ้นด้วยทองแดง ตั้งอยู่ ณ โถงใจกลางสุสาน ที่ก่อสร้างและประดับประดาด้วยเพชรนิลจินดาราวกับพระราชวังใต้ดิน เพดานเลี่ยมไข่มุกและเพชรเป็นรูปพระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาว กับอัญมณีที่ประดับบนพื้นโถงทางเดินเป็นรูปสายน้ำ ทะเลสาบและทะเล..เป็นเสมือนตัวแทนของสวรรค์และพิภพ สว่างไสวด้วยตะเกียงน้ำมัน ปลาวาฬ เพื่อความเป็นอมตะ และกับดักเกาทัณฑ์ที่พร้อมจะปลิดชีพผู้บุกรุก ทุกเมื่อ”
หลังจากที่มีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า บริเวณพื้นดินส่วนกลางของสุสานมีรังสีจากสารปรอทในปริมาณมากพอที่จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ และกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ 1,200 ตร.ม. ทำให้รัฐบาลจำต้องประกาศปิดเป็นเขตหวงห้ามทางโบราณคดี ยกเว้นสุสานบริวาร 400 แห่ง โดยรอบบริเวณกว่า 50 ตร.ม. ซึ่งได้รับการอนุญาตให้สำรวจตลอด 1 ปีเต็ม ทำให้นักโบราณคดีพบหลักฐานต่างๆมากมายจนสามารถเขียนแผนผังสุสานแห่งนี้ได้ค่อนข้างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม แม้จักพรรดิฉินที่ 1 จะไม่สามารถมีชีวิตอมตะอย่างที่ใฝ่ฝัน แต่ชื่อของพระองค์จะยังเป็นที่กล่าวขานไปอีกนานแสนนาน โดยเฉพาะเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของจอมทัพ สถาปัตยกรรม กำแพงเมืองจีน ถนนหนทางและสุสานซึ่งมีความลับมากมายและยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติของปฐมจักรพรรดิ ผู้รวบรวมดินแดนมังกรแห่งนี้ให้เป็นปึกแผ่น
(5549)
You must be logged in to post a comment.