มหันตภัยทางทะเล เรือบรรทุกเครื่องบิน

วันนี้เรือเดินสมุทรลำใหญ่และน่าเกรงขามมากที่สุด ก็คือ เรือบรรทุกเครื่องบิน เรือบรรทุกเครื่องบินมีขนาด 95,000 ตัน มันเป็นเรือที่ทรงพลังและซับซ้อนที่สุด เรือบรรทุกเครื่องบินพลังนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุด มีความยาวกว่า 1 พันฟุตนั่นเทียบได้กับความสูงของตึก เอ็มไพร์เสตท เลยทีเดียวและสูงเท่ากับตึก 20 ชั้น นี่เป็นยิ่งกว่าเรือ มันเป็นสนามบินเคลื่อนที่ที่มีฝูงบินของตัวเอง ในปี 1941 เรือบรรทุกเครื่องบินญี่ปุ่นถูกใช้เพื่อปล่อยเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ไปโจมตี

Pearl Harbor เรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นใหม่สามารถบรรทุกเครื่องบินได้ถึง 80 ลำ หลายลำเป็นเครื่องบินรบแบบซุปเปอร์โซนิค มีโรงเก็บเครื่องบินขนาดใหญ่และโรงงานที่มีลิฟต์ขนาดยักษ์ 4 ตัวไว้ยกเครื่องบินขึ้นไปที่ดาดฟ้าเครื่องบินรบ บรรทุกอาวุธที่ซับซ้อนและทันสมัยที่สุด สามารถทำลายเป้าหมายกลางอากาศในทะเล และบนบกได้


เรือบรรทุกเครื่องเปรียบเสมือนเมืองลอยน้ำ มีลูกเรือกว่า 6 พันคนที่มีเป้าหมายหลักในการดูแลให้เครื่องบิน 80 ลำ พร้อมสำหรับออกปฏิบัติการ ที่นี่เป็นสถานที่อันตรายสุดขีดในการทำงาน เครื่องบินจะเทคออฟ และลงจอดห่างจากทีมงานภาคพื้นดินไม่กี่ฟุต การทำงานของที่นี่จะทำเป็นทีม แต่หน่วยทางอากาศเพียงหน่วยเดียวมีคนถึง 650 คน จะทำงานหนักมากบนดาดฟ้า คอยกำหนดทิศทางของเครื่องบิน เติมน้ำมัน และมีหลายคนที่ดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรเป็น พวกเขาต้องใช้เวลาหลายปีในการทำความเข้าใจภาพรวมทุกอย่าง และสำคัญมากที่จะต้องทำทุกอย่างให้แม่นยำ พวกเขามีภารกิจ และเวลาก็เป็นสิ่งที่สำคัญ พวกเขาจะต้องส่งเครื่องบินขึ้นฟ้าให้ทันเวลา โจมตีเป้าหมายตามเวลา และกลับมาอย่างปลอดภัย มันเป็นเรื่องซับซ้อนและอันตราย ถ้าพลาดเพียงนิดเดียวอาจทำให้เกิดหายนะได้ เช่นในปี 1967 เครื่องบินบรรทุกขีปนาวุธถูกปล่อยออกไปด้วยอุบัติเหตุบนเรือ ยูเอสเอส ฟอร์สตอล


(USS Forestall) จรวดทำให้ระเบิดลูกอื่น ๆระเบิดไปด้วย มันกลายเป็นลูกไฟขนาดยักษ์ และคร่าชีวิตลูกเรือกว่า134 คน มันเป็นหายนะบนเรือบรรทุกเครื่องบินที่เลวร้ายที่สุดในช่วงปลอดสงคราม แต่ส่วนที่อันตรายที่สุดในงานของนักบินก็คือ การนำเครื่องบินลงจอดบนเรือ บนดาดฟ้าเรือรันเวย์นั้นสั้นและนักบินจะต้องนำเครื่องบินเกี่ยวกับเส้นลวดที่พาดข้ามดาดฟ้าขณะที่บินด้วยความเร็ว 150 ไมล์ต่อชั่วโมงซึ่งจะต้องคำนึงถึงปลอดภัยทุกอย่างจึงเริ่มลงจอด เมื่อพวกเขาลงจอดจะเร่งเครื่องเต็มกำลังเพราะถ้าพลาดจากเส้นลวดพวกเขาจะได้บินขึ้นอีกครั้ง แต่ถ้าหากว่าพวกเขาบินช้า เครื่องบินจะไม่มีกำลังเร่งถ้าพลาดจากเส้นลวด แล้วก็จะไปจบลงในน้ำแทน ไม่ว่าเรือจะใหญ่หรือทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่มีเรือลำใดที่สามารถเทียบพลังอำนาจที่น่ากลัวของทะเลได้ ทุก ๆ ปี เรือนับร้อยลำต้องจมลงเพราะสภาพอากาศที่สุดขีด ต้องสูญเสียชีวิตไปนับพัน


ทะเลเป็นที่ ๆ เอาตัวรอดได้ยาก ทุก ๆ ปี ผู้คนนับพันจะตกลงไปในน้ำซึ่งพวกเขาจะต้องเผชิญกับฆาตกรที่ไร้ความปราณี นั่นก็คือความหนาวเย็น ในคืนที่เรือไทนานิกจม ทะเลที่หนาวเหน็บคร่าชีวิตคนไป 1,503 คน อุณหภูมิในทะเลคืนนั้น อยู่ที่ลบ 4 องศา หนาวเกินกว่าจะรอดชีวิตได้ เห็นได้ว่าเพชฌฆาตตัวจริงไม่ใช่การจมน้ำ หรือการที่ไม่อาจทนลอยน้ำอยู่ได้ แต่น่าจะเป็นความหนาวเย็นมากกว่า

(127)