หินเดินได้เกิดขึ้นได้อย่างไร

Sailing Stones เป็น 1 ใน ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ยังคงเป็น ปริศนา ที่เกิดขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติเดทวัลลี่ย์(Death Valley National Park) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สิ่งที่พบก็คือ จะพบร่องรอยการเคลื่อนที่ของก้อนหิน ที่ทิ้งไว้บนดินเหนียวแห้งเป็นทางยาว โดยปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้จะเกิดขึ้นทุก 2 – 3 ปี ครั้ง และหินบางก้อนก็ใช้เวลากว่า 3 – 4 ปีในการเคลื่อนที่ หินเดินได้พบในหลายที่ทั่วโลก แต่ที่เดท วัลลี่ย์มีชื่อเสียงที่สุด

 

ทางสมมุติฐาน อ้างว่าเกิดจาก ลม ตัวการที่นิยมนำมาใช้อธิบายปรากฎการณ์นี้ก็คือ ลม โดยส่วนมากลมที่พัดผ่านบริเวณนี้จะมีทิศทางพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปยัง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และร่องรอยการไถลของหินก็มีทิศทางขนาดกับทิศทางของลมนี้ด้วย แต่ ก็มีนักวิทยาศาสตร์บางคน ไ้ด้แย้งว่ากระแสลมใน เรซแทรค พลาย่า สามารถทำให้ เดินน้อยกว่า 5 เซ็นติเมตร และ ถ้าต้องการให้ ดินเดินได้เป็นระยะตามที่ปรากฏ จะต้องมีกระแสลมแรงกว่า 145 กิโลเมตร / ชั่วโมง

 

จะเห็นว่าหิน บางก้อนไม่ได้เคลื่อนที่เป็นแนวเส้นตรง ตามกระแสลมเสมอไป แต่นั้นก็อาจมาจากการที่กระแสลมเปลี่ยนทิศก็เป็นไปได้

 

บางสมมุติฐาน อ้างว่าเกิดจาก น้ำแข็ง คนกลุ่มหนึ่งให้ข้อมูลว่าเคยเห็นเรซแทรค พลาย่าถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งชั้นบางๆ แนวคิดหนึ่งอธิบายว่าเมื่อน้ำรอบก้อนหินแข็งตัวและแต่ต่อมามีลมพัดผ่านผิว ด้านบนของน้ำแข็ง ทำให้แผ่นน้ำแข็งได้ลากก้อนหินนั้นไปด้วย จึงเกิดรอยครูดไถลบนพื้นผิวแอ่ง นักวิจัยบางคนพบร่องรอยไถลของหินหลายก้อนที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ด้วย แต่ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนย้ายแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นคาดว่าจะต้องมีการ ทิ้งร่องรอยบนพื้นผิวแอ่งในทิศทางอื่นๆ ด้วย แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยนั้น

 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีทฤษฏีไหนได้รับการยืนยันว่าเป็นจริง เพราะไม่มีใครเคยเห็นหรือถ่ายภาพตอนที่หินกำลังเคลื่อนที่ได้ ด้วยที่เป็นเรื่องยากในการสังเกต และยังไม่มีใครที่อาสาไปนั่งดูทุกๆนาทีแม้แต่คนเดียว เนื่องด้วยสภาพอากาศแถวนั้นที่อาจจะขึ้นสูงถึง 37 องศา แถมที่ตรงนั้นก็มีความกว้างถึง 1.6 กิโลเมตร

 

Cr. Livescience, Wikipedia, Wowboom

(16486)