นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าดาวเสาร์ประกอบไปด้วยก๊าซไฮโดรเจน 96% ฮีเลียม 3% และก๊าซอื่นๆเล็กๆน้อยๆอีกจำนวนหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถยืนยันได้นั่นก็คือคำตอบของทฤษฏีแกนกลางของดาวเสาร์
ตามทฤษฏีการสะสมแกนกลางที่มีการยอมรับเกี่ยวกับกับกำเนิดดวงดาวมากที่สุด ดาวเสาร์จะต้องสร้างแกนกลางในรูปแบบของก้อนน้ำแข็งหรือหินที่มีมวลมหาศาลขึ้นมาก่อนและใช้ระยะเวลาสั้นกว่าดาวอื่นๆในการกำเนิดจึงจะมีความสามารถจับก๊าซปริมาณมากจากเนบิวลาสุริยะในช่วงกำเนิดแรกๆได้ เป็นไปได้ว่าความดันบรรยากาศและอุณหภูมิพื้นที่แกนกลางจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้วัตถุบางส่วนจากแกนกลางหลุดลอยออกมานอกอวกาศและทำให้แกนกลางลดขนาดลงมากจากที่ควรจะเป็น
ในขณะที่ดูเหมือนว่าแกนกลางของดาวเสาร์น่าจะเป็นน้ำแข็งหรือก้อนหิน ความหนาแน่นต่ำของดาวเสาร์ก็เป็นตัวบ่งบอกว่าน่าจะมีโลหะเหลว (Liquidmetal) และหินผสมกันอยู่ในแกนกลาง ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่มีความหนาแน่นต่ำกว่าน้ำเปล่า ดังนั้นแกนกลางของดาวเสาร์ก็น่าจะมีลักษณะคล้ายๆไซรัปเข้มข้นที่มีหินผสมปนอยู่ด้วยนิดหน่อย ดังนั้นมนุษย์เราจึงไม่สามารถลงไปเดินบนดาวเสาร์ได้เพราะไม่มีส่วนไหนของดวงดาวที่เป็นพื้นโลหะ
แกนกลางของดาวเสาร์ยังเป็นตัวทำให้เกิดสนามแรงโน้มถ่วงรอบดวงดาวอีกด้วย ซึ่งกล่าวกันว่าน่าจะเกิดจากไดนาโมไฮโดนเจนที่ประกอบไปด้วยโลหะ สนามแรงโน้มถ่วงของดาวเสาร์ค่อนข้างเบาบางกว่าของโลกและมีจุดสิ้นสุดที่วงโคจรของดวงจันทร์ไททัน (ดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์) หรือประมาณ 1.1 ล้านกิโลเมตร ซึ่งไททันเองเป็นตัวหลักที่ทำให้เกิดประจุแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีผลกับสนามแม่เหล็กของดาวเสาร์และทำให้เกิดออโรร่าขึ้นในชั้นบรรยากาศของดาวเสาร์ ยานอวกาศ Voyager ที่ 2 ยังตรวจพบความดันจากลมสุริยะในสนามแม่เหล็กของดาวเสาร์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แกนกลางของดาวเสาร์ยังไม่ได้รับการสำรวจอย่างจริงจังเท่าไหร่ เหมือนกับดาวโลก แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยืนยันได้ว่าแกนกลางของดาวเสาร์ไม่ใช่ของแข็งแบบเหล็กแน่นอน แต่เป็นส่วนผสมระหว่างของเหลวและโลหะจำนวนหนึ่ง
(1233)